Saturday, May 19, 2012

อย่าดัน...ทุรัง

วันก่อนโน้น ไปส่งลูกที่โรงเรียนตอนเช้า ส่งเสร็จขับรถออกมาแล้วเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆเพื่อจะหลบซอยใหญ่ที่รถติด พอเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กแล้วก็ต้องเลี้ยวเข้าซอยอีกที ทีนี้ซอยที่เลี้ยวเข้าไปมีรถจอดอยู่สองข้างทางเลย รถจึงวิ่งได้ 1 ช่องเท่านั้น ขณะนั้นเห็นรถคันนึงขับรถสวนมาจากท้ายซอย ผมเห็นแล้วแต่ก็มองไปเห็นว่ามีช่องนิดนึงตรงข้างทาง ที่ไม่มีรถจอดอยู่ ก็เลยรีบเร่งรถไปที่ตรงช่องว่างนั้น หวังว่าจะแอบรถตรงนั้นแล้วให้รถที่สวนมาผ่านไปได้ แต่....ผมคิดผิดครับ ช่องว่างนั้นมันเล็กเกินกว่ารถของผมจะแอบได้ ทำให้รถที่สวนมาผ่านไปไม่ได้ ทีนี้ผมก็รู้สึกผิดมากมาย รีบถอยรถออกจากตรงนั้นทันที พอถอยมาได้นิดนึง ก็มีรถเลี้ยวเข้ามาจ่อที่หลังรถผมอีกคัน โอ้ว..ตอนนี้ก็เลยติดกันไปหมด รถคันหลังก็ถอยให้นิดนึงแบบทำตัวลีบๆ หวังว่าจะให้รถผมแทรกไปได้ แต่รถนะครับ ไม่ใช่พุง จะทำให้ลีบไม่ได้ง่ายๆ ผมก็ค่อยๆถอยรถออกจนพ้นรถคันนั้น รถคันที่สวนมาก็ขับจี้มาติดๆ 

พอมีช่องที่จะให้รถคันนั้นผ่านไปได้ ก็ดันมี คนกลุ่มหนึ่งเดินมาช้าๆในช่องว่างที่รถคันนั้นกำลังจะเข้าไป ทำให้รถคันนั้นก็ไปไม่ได้ซักที แถมคนกลุ่มนั้นก็เดินได้ช้ามาก (ในความคิดของผม) พอเดินผ่านไป รถคันนั้นก็รีบขับไปทันที แถมคนขับหันมามองหน้าผม 1 ที ทำปากขมุบขมิบ  (ขอน้อมรับความผิดจ้า)  เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เสียเวลาไปประมาณ 5 นาทีเป็นอย่างน้อย  มีคนเสียอารมณ์ไป 1 คน (คนขับรถคันที่สวนมา) มีคนโดนด่า 1 คน (ผมเอง)
สาเหตุของทุกอย่างเกิดจากความ ดันทุรัง ของผมเอง ที่เห็นแต่แรกแล้วว่ามีรถสวนมา ถ้าถอยตอนนั้นเลยจะทำให้รถคันนั้นออกมาได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมกลับไม่ถอย แถมดันทุรังวิ่งไปข้างหน้าคิดว่าแก้ปัญหาได้ แต่พอไปถึงจุดนั้น ปรากฏว่าแก้ปัญหาไม่ได้ และพอจะถอยคราวนี้ก็ถอยไม่ได้ง่ายๆซะแล้ว มีอุปสรรคมากมายตามมา กว่าจะพ้นเหตุการณ์ไปได้ทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น

เปรียบกับการทำธุรกิจ ถ้าเห็นว่าหนทางที่จะเข้าไปนั้นมันมีความไม่ปกติ ให้คิดดีๆ อย่าดันทุรังและคิดเอาเองว่าจะมีวิธีการแก้ปัญหารอเราอยู่ข้างหน้า เพราะเมื่อเราไปถึงตรงนั้นแล้ววิธีแก้ปัญหาที่รออยู่ มันใช้ไม่ได้ และต้องถอยออกมานั้น มันถอยออกมาไม่ได้ง่ายๆ ความเสียหายมันจะมากเกินกว่าที่เราจะตัดใจยอมเสียอะไรบางอย่างไปตั้งแต่แรกที่เราเห็นว่าหนทางมันไม่ค่อยจะดีจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเล็งดีๆว่าหนทางมันมีปัญหาจริง หรือว่าเรามองหนทางนั้นไม่ชัดเอง

เรื่องนี้เขียนขึ้นมาเตือนใจตัวเอง ไม่ได้อ้างอิงวารสารวิชาการ หรือแนวคิดของใครทั้งนั้นครับ

Saturday, March 10, 2012

แนวคิด 10 ข้อ ช่วยขายของออนไลน์ได้

ช่วงนี้เข้าไปอ่านบอร์ด pantip ห้อง e-commerce บ่อยๆ เพื่อเก็บความรู้เกี่ยวกับการค้าออนไลน์เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับตัวเองบ้าง เจอประเด็นแปลกๆที่มาตั้งกระทู้เหมือนกัน เช่น ทำไมลูกค้าชอบโทรมาตอนเย็นๆ มันเป็นเวลาที่ปิดร้านแล้ว, ลูกค้าชอบถามถึงสินค้าที่ไม่ได้ขาย, เว็บบอร์ดมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการขายออนไลน์ และ อื่นๆอีกหลายอย่าง
ซึ่งประเด็นที่ยกมานี่ คิดว่าแปลกเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่เห็นต้องมาถาม อย่างเช่น ทำไมลูกค้าชอบโทรมาตอนเย็นๆ ก็เพราะว่าตอนกลางวันเค้าทำงาน พอเลิกงานถึงจะมีเวลาโทรมาซื้อของ
ลูกค้าถามถึงสินค้าที่ไม่ได้ขาย แทนที่จะไม่พอใจ ความจริงต้องขอบคุณลูกค้าที่ช่วยชี้ช่องให้หาสินค้าใหม่ๆมาขาย ส่วนเรื่องเว็บบอร์ดนั้นความจริงแล้วถ้าทำเว็บดี เรื่องเว็บบอร์ดไม่จำเป็นเลย ใช้เครื่องมือเช่นพวก Facebook ช่วย มันจะดูดีกว่าเว็บบอร์ดเป็นไหนๆ แถมถ้าไม่ได้เช็คเว็บบอร์ดบ่อยๆ ก็อาจจะเป็นแหล่งให้คนมา Spam ได้
จากประสบการณ์ส่วนตัวและอ่านที่คนอื่นเขียนไว้ สิ่งที่พอจะสรุปออกมาใช้งานในการขายของออนไลน์ได้มีดังนี้
1. ถ้าทำแบบคนอื่นก็จะได้ผลเหมือนคนอื่น ความหมายคือถ้าต้องการผลที่ดีกว่าคนอื่นก็ต้องทำให้มากกว่าคนอื่น ผมเห็นหลายร้านขายของออนไลน์ ที่ชอบคิดว่าขายออนไลน์อย่างเดียว ไม่รับสั่งทางโทรศัพท์ เพราะว่าไม่อยากรับโทรศัพท์ เสียเวลาและบางทีก็ไม่ซื้อ ผมคิดว่าทำให้เสียลูกค้าไปเยอะมาก (แต่ก็เห็นเจ้าของร้านบอกว่า ไม่เป็นไร รับสั่งทางเว็บอย่างเดียวก็ขายแทบไม่ทันอยู่แล้ว อันนี้แล้วแต่จะคิดกันไป)

2. บริการลูกค้าด้วยความจริงใจ ไม่ใช่คิดว่าต้องขายๆๆๆเท่านั้นใครไม่ซื้อของเราไม่คุยด้วย คนที่ไม่ซื้อเราในวันนี้ อาจจะซื้อเราในวันหน้า หรือเค้าอาจจะไม่ซื้อของเราเลยก็ได้ แต่เค้าอาจจะแนะนำร้านเราให้กับคนอื่นได้ ดังนั้นจงบริการด้วยความเต็มใจและเต็มที่

3. ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะไปทะเลาะกับลูกค้า หรือไปโม้ข่มลูกค้า มีลูกค้าผมเล่าให้ฟังว่าโทรศัพท์ไปซื้อของร้านออนไลน์ร้านนึง เจ้าของร้านโม้หลายอย่าง จนโม้มาถึงว่าลูกค้าของเค้ามีแต่คนขับรถแพงๆอย่าง Ferrari ลูกค้าผมเลยถามเค้าไปว่า "พี่ครับ ผมขับกระบะ Vigo ซื้อของพี่ได้มั้ยครับ" ทำเอาเจ้าของร้านอึ้งไปเลย ลูกค้ารายนี้ของผมกำลังซื้อสูงมาก ร้านนั้นได้เสียลูกค้าชั้นดีไปเลยโดยที่ไม่รู้ตัว

4. จงสร้างเพื่อน อันนี้ไม่มีอะไรมาก คือถ้าเราคิดว่าคนที่จะมาซื้อของเราเป็นเพื่อน เราจะปฏิบัติกับเค้าแบบเพื่อน และเค้าก็จะปฏิบัติกับเราแบบเพื่อน มีอะไรที่ดีๆเค้าก็จะแนะนำเรา

5. เรื่องอะไรที่มันไม่ใช่เป็นเรื่องสำคัญหรือว่าเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็ไม่ควรไปเขียนไว้ในเว็บ อันนี้ความเห็นส่วนตัวเลย  เช่น มีลูกค้าคืนของเพราะเลือกสินค้าผิดขนาด แต่เหตุการณ์นี้นานๆเกิดที ส่วนตัวผมก็จะไม่ไปเขียนไว้แบบชัดว่า "ซื้อแล้วไม่รับคืน" เพราะการเขียนแบบนี้มันเหมือนกับว่าร้านนี้เขี้ยว หรือว่า มีคนอยากมาดูสินค้าตัวจริง แต่เราไม่สะดวกก็ปฏิเสธเป็นรายๆไป ไม่ควรไปเขียนว่า "ส่งของทางไปรษณีย์เท่านั้น" เว้นแต่ว่ามีคนต้องการดูสินค้าตัวจริงเยอะมาก เราก็ควรหาทางออกให้เค้าได้เห็นสินค้า

6. อธิบายสินค้าอย่างตรงไปตรงมา และอธิบายรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันปัญหาการเข้าใจผิด มีตัวอย่างการใช้งานด้วยจะยิ่งทำให้ลูกค้าเข้าใจการใช้งานมากขึ้น

7. อย่าพูดสิ่งที่ไม่จำเป็นถ้าลูกค้าไม่ถาม เช่น ผมเคยบอกลูกค้าว่าสีนี้ขายดีมาก แต่ลูกค้าบอกว่า "อ้าวเหรอ แสดงว่าโหล งั้นไม่เอา" แต่ก็มีบางคนถามว่าสีไหนขายดี หรือว่า สีไหนสวยแนะนำหน่อย อันนี้ก็แนะนำกันไป

8. ถ้าเกิดความผิดพลาดจากเราเอง ต้องรีบแก้ปัญหาและขอโทษอย่างเร็วที่สุด และถ้าจะให้ดีควรจัดของแถม หรือ จัดส่วนลดให้เค้าในการซื้อครั้งหน้าด้วย

9. จงรักษาคำพูด ตกลงไว้อย่างไรก็ต้องปฏิบัติเช่นนั้น ถ้าคิดว่าทำไม่ได้อย่างที่พูดก็อย่าไปตกลงกับเค้า เช่นมีคนจองสินค้าไว้ ก็ห้ามขายสินค้านั้นให้คนอื่นเด็ดขาด ไม่ใช่พอมีคนให้ราคาสูงกว่าก็รีบขายให้คนนั้นไป

10. อย่าคิดเล็กคิดน้อย อะไรที่ยอมได้ก็ยอมไปเถอะครับ ไม่ใช่ให้คิดว่าลูกค้าคือพระเจ้านะ (บอกไปแล้วว่าลูกค้าคือเพื่อน กับเพื่อนเรายอมอะไรได้ก็ยอมกับลูกค้าด้วย)  เช่น ลูกค้าสั่งของแล้วไม่ชอบอยากจะเปลี่ยนรุ่น อันที่ได้ไปยังไม่ได้แกะใช้งาน เราก็ควรรับคืนมาและก็ส่งอันใหม่ไปให้เค้า และก็ไม่ต้องไปต่อความยาว เช่นให้โอนค่าส่งอันใหม่มาให้เราด้วย อันนั้นผมมองว่ามันหยุมหยิม


แนวคิด 10 ข้อนี้ คือสิ่งที่ส่วนตัวปฏิบัติอยู่ ร้านค้าอื่นอาจจะมีธรรมชาติที่แตกต่างจากของผม ทำให้ทำแบบนี้ไม่ได้ เช่นของบางอย่างถ้ารับคืนของได้ อาจจะทำให้ร้านค้าขาดทุนมากๆ หรือบางร้านทำเป็นงานเสริม ทำให้รับโทรศัพท์ไม่ได้ตลอดเวลา ก็ควรเขียนอธิบายให้ชัดเจนบนเว็บ แต่ถ้ามีคนโทรมาช่วงที่รับโทรศัทพ์ไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปเหวี่ยงใส่ลูกค้านะครับ

ขอให้โชคดี