Windows Media หลาย speed

ความสามารถใหม่ของ Windows Media 9 Series อันหนึ่งคือ การเล่น media ด้วยความเร็วไม่ปกติโดยที่เสียงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ทำตัวอย่างไว้อันนึงที่ Multi Speed
อีกแห่งหนึ่งที่มีประโยชน์คือ NHK Radio ซึ่งก็สามารถปรับความเร็วในการอ่านข่าว ช้า-เร็ว ได้ตามต้องการ
Javascript ที่ใช้ในการปรับความเร็ว

function ChangeSpeed(MyRate){
/* Test whether playback rate can be set. */
if(Player.settings.IsAvailable('Rate'));

/* Set the playback rate based on the current
value of the SELECT element. */
Player.settings.rate = MyRate;
}

Dragon Ball

พี่โอ๋เล่าให้ฟังว่าชื่อตัวละครใน Dragon Ball นั้นแบ่งเป็นกลุ่มๆ เช่นกลุ่มที่เป็นชื่อผัก กลุ่มที่เป็นอาหารจีน และอื่นๆ ได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกว่าเออ..ใช่จริงๆด้วย เป็นความรู้ใหม่ แต่พี่โอ๋บอกว่าคนญี่ปุ่นเค้ารู้กันเป็นเรื่องปกติ ลองหาข้อมูลดูก็เจอรายละเอียดอยู่ที่Wikipedia: Dragon Ball

ยกมาคร่าวๆก็คือ
ดาวไซย่า(サイヤ)ซึ่งก็มาจากคำว่า ยาไซ่ (野菜) แปลว่าผัก ชาวดาวไซย่าก็เลยจะมีชื่อเกี่ยวกับผัก ซึ่งก็มี
คาคาล๊อท (カカロット) มาจากคำว่า แครอท
เบจิต้า (ベジータ) มาจากคำว่า เบจิเทเบิล = Vegetable แปลว่า ผัก
นับปะ (ナッパ) ก็คือ 菜っ葉 หมายถึง ใบของผัก
ราดีช (ラディッツ) มาจากคำว่า ราดีชชุ （ラディッシュ）ก็คือ Radish ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นผักแบบไหน หารูปมาได้ก็อันนี้แหละ

ทาเลส(ターレス) ก็คือ เลคตัส lettuce(レタス) ผักกาดหอม

อีกกลุ่มนึงที่น่าสนใจคือ ชื่อของพวก บลูม่า ซึ่งเป็นชื่อที่เกี่ยวกับชุดชั้นในทั้งนั้น ซึ่งก็มี
ดร.บรีพ (ブリーフ博士) มาจากคำว่า บรีพ (ブリーフ) ซึ่งไม่รู้ว่าคืออะไร ลองหารูปดูแล้วก็เป็นชิ้นนึงของชุดชั้นใน ภาพไม่เหมาะที่จะมาแปะใน Blog อ่ะ :P
บลูม่า ก็มาจากคำว่า บลูม่า (ブルマ) นั่นแหละ ซึ่งก็เป็นชุดชั้นในอย่างหนึ่ง

ส่วนชื่อตัวละครอื่นๆนั้นไม่ค่อยรู้จักเลย แต่ก็น่าสนใจดีว่างๆค่อยอ่าน
เออ..เจ้า Wikipedia นี่ดีจังเลย ภาษาญี่ปุ่นมีข้อมูล 73541 อัน ภาษาไทยมี 609 อัน... ต่างกันจัง

CRC error เวลาอ่านแผ่น DVD-R

เคยได้วิดีโอมาในแผ่น DVD-R แบบ no name เครื่องคอมพ์ที่มีอยู่ทุกเครื่องไม่สามารถอ่าน DVD ทั้งหมด 17 แผ่น นี้ได้เลย จะขึ้นประมาณว่า CRC error ตลอด ซึ่งสาเหตุหลักที่เกิดเหตุการณ์นี้ก็เพราะว่าใช้แผ่น DVD-R แบบห่วยๆ ติดต่อไปยังผู้ที่ทำวิดีโอลงแผ่น DVD เหล่านี้ ว่าขอให้ทำมาใหม่โดยใช้ DVD-R media ที่มีคุณภาพดีๆหน่อย โชคดีที่เค้าได้ทำการ backup DVD เหล่านี้ไว้ด้วยแผ่นที่ค่อนข้างมีคุณภาพ(คือมียี่ห้อนั่นแหละ) ก็เลยขอเอามาใช้เลย เป็นไปอย่างที่คิดไว้ชุดที่ได้มาใหม่นี้อ่านได้ไม่มีปัญหา เสียเวลาไปเป็นอาทิตย์เลยกว่าจะได้ข้อมูลวิดีโอที่ต้องการ :( บอกกับหัวหน้าตัวเองว่า คราวต่อไปต้องย้ำกับคนทำว่าให้ใช้ DVD media ที่มีคุณภาพหน่อย เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลา

เมื่อไม่นานมานี้ได้ DVD มาอีกชุดนึง (มาจากคนละที่กับครั้งที่แล้ว แต่มาจากเมืองไทยเหมือนกัน) เห็นแว้บแรก..นึกในใจ..มันใช้ DVD no name อีกแล้ว และก็เป็นอย่างที่คิด (ภาษาญี่ปุ่นบอกว่า Yap-pa-ri) อ่านข้อมูลไม่ได้อีกแล้ว :( ปัญหาเหมือนเดิมเป้ะ CRC error! ภายในแผ่นเหล่านี้จะมี mpeg ไฟล์ใหญ่ๆอยู่ 1 ไฟล์ต่อแผ่น วิดีโอส่วนที่ต้องการบางทีก็ไม่ใช้ทั้งไฟล์นั้น ต้องการแค่บางส่วน แต่การ copy โดยใช้ windows explorer มันจะ copy ไฟล์ทั้งหมดภายในทีเดียว เมื่อ copy ไปเรื่อยๆแล้วเจอ CRC error บนแผ่น DVD มันจะลบส่วนของ file ที่ copy ไปแล้วออก ซึ่งเท่ากับเราไม่ได้เลยแม้สักเสี้ยวหนึ่งของไฟล์ แต่ความต้องการของเราคือมัน copy ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เพราะ mpeg นั้นไม่ต้องมาทั้งไฟล์เราก็ยังใช้งานได้อยู่

ลองหาโปรแกรมช่วยดูก็ไปเจอ CDCheck ซึ่งเป็นโปรแกรมใช้สำหรับตรวจสอบดูว่าแผ่นเรามี CRC error ตรงไหนบ้าง และมันยังสามารถเอาข้อมูลที่ยังอ่านได้อยู่ออกมาจากแผ่น CD/DVD ได้ด้วย ลองใช้ดูก็ได้ผลดี แต่โชคช่างไม่เข้าข้างเลย mpeg ส่วนที่ copy ออกมาจาก DVD ได้ ดันไม่ใช้ส่วนที่ต้องการ ส่วนที่ต้องการมันเอาออกมาไม่ได้ :( ยังไม่รู้จะทำยังไงต่อเลย คงต้องลองเอาไปเปิดอ่านกับคอมพ์หลายๆยี่ห้อดู ถ้าไม่ได้จริงๆ คงต้องเอาม้วนเทปต้นฉบับมา video capture เอง เฮ้อ..เสียเวลาจริงๆ

บันทึกเรื่องหุ้น

เห็นเพื่อนๆเล่นหุ้นกันแล้วรู้สึกน่าสนใจดี แต่ยังไม่มีโอกาสไปหาซื้อหนังสือมาอ่านเลย หาอ่านตามเว็บข้อมูลก็กระจัดกระจาย ตอนนี้อยากจะรู้แค่ว่า หุ้นตัวนึงนี่ราคาขึ้นหรือลง step ละกี่บาท หาอ่านที่เว็บของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ไม่เห็นมีบอกไว้ อีกอย่างเว็บทำได้อ่านยากมากๆ สมควร(จ้างเรา)ทำใหม่ :) เข้าไปหาๆดูใน pantip.com ก็เห็นกระทู้ คือผมเล่นนหุ้นไม่เป็นครับเลยสงสัยว่า ช่อง ที่เรียกกันหมายถึงอะไรครับ วู้... ตรงกับที่อยากรู้พอดี สรุปได้ว่า
stepการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นเป็นดังนี้

ราคาหุ้น(บาท)	step(บาท)
0.01 - 2.00	0.01
2.00 - 5.00	0.02
5.00 - 10.00	0.05
10.00 - 25.00	0.10
25.00 - 50.00	0.25
50.00 - 100.00	0.50
100.00 - 200.00	1.00
200.00 - 500.00	2.00
500.00 - 1004.00	4.00
1004.00 up	6.00

แก้เซ็ง

ไม่ได้มา Update ตั้งนาน เพราะมัวแต่ยุ่งกับงานอดิเรก (งานประจำคือขายนาฬิกา :P) ยุ่งมากๆก็ต้องแก้เซ็งโดยต้องไปยิงนาฬิกามาดูเล่น :)


Tag Heuer Aquagraph Tag Heuer Aquagraph ตัวนี้อยากได้มาตั้งแต่ออกมาใหม่ๆเลย ไปจับดูเล่นอยู่ครั้งนึง ชอบมาก เพราะสีเหลืองของเข็มตัดกับหน้าปัดสีดำดูแล้วเทห์ดี มี Helium Escape Valve อยู่ข้างตัวเรือนด้วย เป็นระบบเดียวกับที่ใช้ใน Rolex Sea Dweller เลย กันน้ำได้ลึกถึง 500m แหนะ แถม Bezel (ขอบนาฬิกาที่มีตัวเลข 10 20 30 40 50) เป็นแบบต้องกดลงไปจึงจะหมุนได้ นับว่าเป็น Tag Heuer ที่ออกแบบและผลิตมาได้อย่างสวยงาม ตัวเรือนทำได้เนียนไม่แพ้นาฬิกาที่แพงกว่าเลย แถมท้ายอีกนิดคือ พรายน้ำสว่างมากๆเลย อยากจะเข้าที่มืดบ่อย จะได้เห็นพรายน้ำสวยๆ งานต่อไปคือหาโอกาสไปทะเลจะได้ใส่มันเล่นน้ำซะเลย (ที่ญี่ปุ่น บางทีเค้าห้ามใส่นาฬิกาว่ายน้ำในสระอ่ะ)

เจอ Promotion Video ของ Aquagraph อยู่ที่ Aquagraph Video ทำ window ของ browser เล็กๆ หน่อยจะดูได้สวย

บันทึก Perl

เอา ^M ออกจาก file ที่เป็น DOS

$foo =~ s/\015//g;

เปลี่ยนเป็นตัวเล็กทั้งหมด

$foo =~ s/([^\W0-9_])/\l$1/g;

MD5 hash ในการสร้าง encrypted password เพื่อเก็บลงใน Database

use Digest::MD5;
sub GenPasswd {
$passwd = $_[0];
$md5 = Digest::MD5->new;
$md5->add('sugar'); # เติมน้ำตาลหน่อย :D
$md5->add($passwd);
$encrypted = $md5->->hexdigest;
return $encrypted;
}

Copy files

use File::Copy;
copy "$source", "$target";

สร้าง directory

use File::Path;
mkpath($dirname);

khonthai.com

วันนี้ประกาศใน Siamnaliga ให้สมาชิกที่ต้องการทำการค้าขายในเว็บ ไปลงทะเบียนขอ email จาก khonthai.com ... วุ่นดี
ใครอยากลองความวุ่นก็อ่านวิธีการได้ที่ วิธีการลงทะเบียน สำหรับท่านที่ต้องการใช้กระดานซื้อขาย แถมกฏในการใช้งานก็ยิ่งหยุมหยิม อ่านได้ที่ กฏการใช้กระดานซื้อขาย

โปรแกรมช่วยออกแบบ Database

เคยทำ video portal ไว้เป็นการทดลอง ที่เห็นว่ามันเละๆนั้น เป็นเพราะผ่านการแก้ไขเพิ่มเติมความสามารถเข้าไปแบบ Ad Hoc ตอนนี้เริ่มถึงจุดที่จำเป็นต้องออกแบบใหม่ทั้งหมด รวมทั้งโครงสร้างของ Database ด้วย จริงๆออกแบบด้วย MS Access ไปแล้ว แต่ว่ารู้สึกว่ามันไม่เจ๋ง(สวย)อ่ะ วันนี้เลยลองเอา DBDesigner 4 ซึ่งเป็น Open Source Software มาใช้งานดู

มันสามารถต่อกับ Database server ได้หลายชนิดเลย รวมทั้ง MySQL และ MS SQL ด้วย สำหรับความสามารถคร่าวๆก็มี
⇒ ออกแบบ Database ได้แบบ visual เลย
⇒ วาดโครงสร้างของ Database ออกมาได้สวยดี
⇒ ใช้เป็น GUI frontend ของ Database server ได้ ตอนนี้ก็ใช้เป็น GUI frontend ของ MySQL สำหรับงานที่ใช้ Zencart อยู่ แต่ก็ไม่ได้ใช้ง่ายเหมือนกับโปรแกรมที่ทำมาเป็น GUI frontend โดยเฉพาะ ก็พอถูไถใช้ไปได้
⇒ เวลาออกแบบ Database เสร็จแล้ว สามารถ export ออกมาเป็น SQL แล้วเอาไปใช้ได้เลย

คุยกับนักเล่น Panerai ชาวญี่ปุ่น

มีเพื่อนร่วมรุ่น Intania75 ฝากให้ไปเอา Panerai จากคนญี่ปุ่นที่เจอกันบน http://www.paneristi.com วันนี้ก็เลยได้มีโอกาสไปเจอกับนักเล่น Panerai ชาวญี่ปุ่นตัวยงคนหนึ่งเลย นัดเจอกันแถวๆชิบุยะ ไม่เคยเจอกันมาก่อน บอกเค้าแค่ว่าวันนี้จะใส่ Panerai ไป ให้มองหาคนที่ใส่ Paneraiก็แล้วกัน พอถึงเวลานัดเค้าก็มองเห็นกัน และก็รู้ได้ในทันทีว่าใครเป็นใคร :D

เค้าใส่เรือนนี้มา...PAM60: Titanium Chronograph เครื่อง El primero ของ Zenith สุดสวย (เมื่อวันก่อนเพิ่งด่า Panerai ไปเอง กิ กิ :P )


แถวนั้นรู้จักแค่ร้านอาหารไทยอยู่ร้านเดียว (ร้านชาวไทย)ก็เลยพากันเดินไปที่ร้านนั้นเพื่อว่าจะได้แลกเปลี่ยนสิ่งของกัน พอนั่งปุ๊บเราก็คุยกันเรื่องนาฬิกากันอย่างเมามันมาก ประมาณว่าหาคนบ้านาฬิกามาคุยด้วยไม่ได้(ทั้งคู่) เค้าแนะนำเว็บ Panerai ของญี่ปุ่นอันใหม่เจ๋งกว่า Paneristi Japan ซะอีก ชื่อว่า Panerai Carpediem อยู่ที่ http://www.ne.jp/asahi/panerai/carpediem/ ที่เว็บนี้มีรูปของ Panerai แทบทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ เนื้อหาข้อมูลก็แน่นมาก(แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น) เห็นว่าดีก็เลยเอามาแปะไว้ที่หน้าแรก siamnaliga ไว้ เค้าบอกว่าจะไปบอก Webmaster ของ Panerai Carpediem ให้แปะลิงค์ siamnaliga.com ไว้ที่เว็บนั้นด้วย ดีจังจะได้ดังๆ

เท่าที่คุยกัน รู้ว่าเค้าเพิ่งเล่นมาได้สักปีนึง ตอนนี้มีของหายากทั้งนั้น เรือนแรกที่ซื้อคือ PAM117 ตอนนี้ก็มี PAM Logo, PAM195, PAM4, PAM60 และอื่นๆอีกที่ไม่ได้ถาม ลองถามเค้าว่าตอนนี้เล็งอะไรอยู่ เค้าบอกว่า... ไม่มี... ไม่อยากได้แล้ว วู้..เป็นไปได้เหรอเนี่ย แต่ก็แพลมๆออกมาว่าตัวที่ใช้เครื่อง Rolex นั่นเจ๋งดีนะ (PAM21)

วันจันทร์หน้าตอนเย็นจะมี Meeting กันเล็กๆของชาว Panerai Carpediem เสียดายเย็นวันนั้นไม่ว่าง ไม่งั้นจะได้ไปร่วมงาน ชักรูปแบบนี้กลับมาอวด



รูปนี้จากสมาชิกที่ไปพบกัน 6 คน

นาฬิกา Roamer

มีความคิดว่า นาฬิกาจับเวลา(chronograph)แบบ 2 registers ใช้กลไกดีๆ ทำหน้าตาเข้มๆ มี Bezel หนาๆ ถ้าได้แบบ style พวก Submariner ออกแบบให้หน้าปัดจับเวลาให้อยู่ตำแหน่งสวยๆ และตัวเรือนหนาหน่อย น่าจะขายดีนะ ไม่เอาตัวเรือนอย่างพวก Panerai Chronograph นะมันดูไม่เข้ากันเล้ย..ให้ตายเหอะ.. นี่ยังไม่รวมถึงราคามหาโหดอย่างไร้เหตุผลด้วย..

นี่เลย Roamer Stingray Chronograph หน้าตาเหมือนอย่างที่อยากได้เลย เรือนนี้เห็นมานานแล้ว ตัวเรือนใหญ่ดีขนาดเกือบๆ 44mm ถูกใจตรง Bezel ที่ดูแน่นหนาดี และตัวเรือนที่หนาใหญ่บึกบึน ผลิตเมื่อปี 1966 ใช้เครื่อง Valjoux 23 เครื่องนี้ไม่ค่อยเห็นใครทำออกมาเป็นแบบ sport ซักเท่าไหร่ ที่เคยเห็นมีทำบ้างก็ Nivada กับ Croton

เรือนนี้น่าเก็บจริงๆเลย แต่ช่วงนี้ต้องใช้เงินหลายอย่าง ยังไม่อยากสอย :( ตอนนี้ยี่ห้อนี้รู้สึกจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ มีเว็บอยู่ที่ http://www.rrtime.ch/index.htm เท่าที่ดูเว็บแล้ว สินค้าปัจจุบันไม่มีอะไรน่าสนใจ สงสัยอนาคตของตัว Vintage ก็คงไปไม่ถึงไหนเหมือนกัน:D

NEFLibrary3PS.dll หาย

เปิด Photoshop ขึ้นมา มันฟ้องว่าหา "NEFLibrary3PS.dll" ไม่เจอ และก็ปิดตัวเองไปเลย จำได้ว่าเมื่อวานนี้ uninstall โปรแกรม Picture Project ที่แถมมากับกล้อง Nikon Coolpix 5200 เพราะว่าเอากล้องไปให้น้องแล้ว dll ที่หายไปคงเป็นเพราะการ uninstall โปรแกรมนี้แน่ๆ

หาข้อมูลได้ความว่าถ้าเอา plug-ins ที่เกี่ยวข้องกับ Nikon ออกจาก Plug-Ins directory ของ Photoshop แล้วก็จะใช้งานได้

ไปที่

C:\Program Files\Adobe\Photoshop 7.0\Plug-Ins\Adobe Photoshop Only\File Formats

แล้วลบ "Nikon NEF Plugin LE.8bi" กับ "Nikon YCC TIFF.8BI" ออก

HDD ช้า

เมื่อวานบ่นๆกับพี่ฮุ้ยว่า จะซื้อ HDDใหม่ เพราะว่าตัวที่บ้าน มันช้าเหลือเกิน พี่ฮุ้ยแนะนำว่าลองไปดูว่า Transfer Mode ของ IDE Divice ได้ตั้งเป็น DMA mode หรือเปล่า เพราะว่าบางทีถ้าเป็น PIO mode มันจะช้ามาก ... อืมม์.. เป็นไปได้

พอกลับมาถึงบ้าน (เมื่อวานไปดูดอกไม้ไฟที่ Ichikawa มา ดูเรื่องได้ที่ blog ของ นี) ก็ลองเข้าไปดูที่ Device Manager ก็เห็นว่า Transfer Mode ของ IDE เป็น PIO จริงๆด้วย ...แต่ว่า ไม่สามารถเลือกให้ไปเป็น DMA ได้??

ลองเข้าไปที่ BIOS Setup (กด F2 ตอนบูตเครื่อง) ระบบมันเห็นว่ามี HDD แค่ตัวเดียว อ้าว... นี่แหละตัวปัญหา สงสัยตอนที่ HDD (อีกตัวนีง)พัง พอใส่ตัวใหม่เข้าไปแล้วคงไม่ได้ไป set ที่ BIOS ให้มันเห็น HDD ตัวที่ช้าอยู่เนี่ย

หลังจากจัดการ set ให้ถูกต้องแล้วบูตเครื่องเข้าไป Divice Manager คราวนี้ก็สามารถเลือก Transfer Mode เป็น DMA ได้ ทดลอง encode รายการทีวี เป็น MPEG2 8Mbps ..ว้าว..คราวนี้เร็วเหมือนเดิมแล้ว ภาพสวยไม่มีกระตุก :D

ทำเว็บขายนาฬิกา...

จริงๆแล้วอยากจะทำเว็บขายนาฬิกาเป็นของตัวเองตั้งนานแล้วแหละ แต่ว่าเวลาไม่อำนวย... โชคดีที่ทำงานให้งานมาอย่างนึงคือไปตั้งร้านขายของบนเว็บขึ้นมา แล้วเอาความรู้นั้นมาสอนคนที่จะมา e-Commerce workshop ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

โปรแกรมที่ใช้เป็น OpenSource Software ชื่อว่า Zen Cart ซึ่งรุ่นน้องที่ทำงาน(หนู) ได้เอามาทำเป็น Install Package รวมกับ MySQL, phpMyadmin และ hMailserver พอรันโปรแกรม installer ทุกอย่างก็จะเข้าไปอยู่ในเครื่องของเราอย่างถูกต้อง เราแค่ไปจัดการตกแต่งหน้าร้าน เพิ่มสินค้า เท่านี้ทุกอย่างก็พร้อมที่จะเริ่มใช้งานจริงๆได้

เจ้า Zen Cart นี่มีความสามารถหลายๆอย่างที่น่าสนใจ ขอเอามาเขียนไว้ที่นี่กันลืม
1. ระบบ Review สินค้า: ลูกค้า สามารถเขียน review สินค้า และให้ดาวได้ด้วย
2. มีการแสดงผลว่า "ลูกค้าที่ซื้อสินค้าชิ้นนี้ ได้ซื้อสินค้าอันอื่นดังต่อไปนี้" ด้วย เป็นการช่วยเพิ่มยอดขาย (เหมือนกับที่เห็นใน Amazon)
3. มีส่วนที่แสดงว่าสิ้นค้าชิ้นไหนขายดี
4. เมื่อเพิ่มสินค้าเข้าไปใหม่ มันจะไปโผล่ที่ What's new
5. มีปุ่ม Tell A Friend สำหรับให้ลูกค้าส่งข้อมูลสินค้าไปบอกเพื่อน
6. ระบบ Notification ให้กับลูกค้า เมื่อเรานำสินค้าอย่างที่ลูกค้าต้องการเข้ามาขาย
7. ถ้าเรา set ค่า Manufacturer ของสินค้าใดๆเอาไว้ พอลูกค้าเข้าไปดูที่สินค้านั้น จะมีบอกว่าสินค้านี้ผลิตโดยใคร และสินค้าของผู้ผลิตเดียวกันนั้น เราเอาอะไรมาขายบ้าง

สำหรับตัวเว็บเองตอนนี้เพิ่งเริ่มทำไปแค่
1.ตั้งชื่อร้าน
2.ทำ Logo
3.ตั้ง Category
4.เอานาฬิกาเข้าไปใส่ไว้เรือนนึง

คิดไว้ว่าพอเสร็จงานนี้ อาจจะเอาเว็บที่ทำขึ้นมานี้มาใช้ขายของจริงๆเลย :D

สำหรับ Seiko ANA สองเรือนที่เพิ่งได้มานั้น วันนี้ขายไปได้แล้วเรือนนึง (หลังจากเอาขึ้นขายไม่ถึง 10 นาที!) อีกเรือนนึงมีคนมารอคิวอยู่ 3 คนแหนะ ติดต่อไปหมดแล้ว รอคนแรกตอบก่อน

Seiko ANA

เมื่อวานนี้ได้ Seiko ANA มา 2 เรือน รุ่นนี้มีขายเฉพาะในเครื่องบินเท่านั้น เป็นการร่วมมือกันออกแบบระหว่างนักบินของสายการบิน ANA กับ Seiko เข็มบอกชั่วโมงเป็นสีส้มดูเข้มมาก พร้อมทั้งมีตัว S ที่เข็มวินาที เป็นการเพิ่มความขลังให้กับนาฬิการุ่นนี้เข้าไปอีก

คิดว่าจะเอาไปปล่อยที่ Seiko&Citizen Trading Forum ใครสนใจก็ตามไปดูกันเองนะ :D

ข้างหลังมีสลักไว้ด้วยว่า Designed by ANA Pilots เทห์อย่าบอกใคร

Electronic-Ink

วันนี้มาว่ากันเรื่อง Technology การแสดงผลของ LIBRIè
Sony ใช้ Electronic-Ink Technology ที่พัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท E INK สำหรับหลักการทางเทคนิคนั้น สามารถสรุปคร่าวๆได้จากข้อมูลที่อยู่บนเว็บ E INK

โดยอธิบายโดยตรงจากรูปเลยจะง่ายกว่า [Click ที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่]



ส่วนประกอบหลักของ e-Ink ก็คือ เม็ดขนาดเล็กๆที่เค้าเรียกว่า microcapsule ซึ่งมีขนาดพอๆกับเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมคน วีธีการก็เอาเม็ดสีดำซึ่งมีประจุลบ และ เม็ดสีขาวซึ่งมีประจุบวก ไปใส่ในของเหลวที่โปร่งใส เมื่อใส่สนามไฟฟ้าลบ (ขั้วบวกอยู่ที่แผ่นตัวนำข้างล่าง[bottom electrode])ลงไป ก็จะทำให้เม็ดสีขาวลอยขึ้นมาจากแผ่นตัวนำเพราะเป็นประจุบวก ส่วนเม็ดสีดำก็จะจมลงไปอยู่ใต้เม็ดสีขาว ทำให้บริเวณนั้นปรากฏเป็นสีขาว ถ้าใส่สนามไฟฟ้าบวกลงไปก็จะเกิดผลตรงกันข้าม คือ บริเวณที่ใส่สนามไฟฟ้าจะกลายเป็นสีขาว

การที่จะใช้ e-Ink มาทำเป็นจอแสดงผลนั้น ทำได้โดยพิมพ์หมึกนี้ลงบนแผ่นวงจรไฟฟ้าบางๆ ซึ่งแผงวงจรนี้จะเป็นตัวสร้างให้เกิดจุดบนจอแสดงผล โดยจะมีวงจรต่างหาก(ไม่ได้อยู่บนแผ่นบางๆนี้)ในการควบคุมการแสดงผล เนื่องจากหมึกนี้สามารถใช้เทคนิคการพิมพ์แบบ screen ทั่วๆไปได้ มันจึงสามารถพิมพ์ลงไปได้บนพื่นผิวแทบทุกชนิด รวมทั้งแก้ว, พลาสติก , ผ้า หรือแม้กระทั้งกระดาษ
แต่คงก็ต้องทำแผงวงจรไฟฟ้าไปวางอยู่บนพื้นผิวพวกนี้ให้ได้ด้วย จึงจะใช้งานเป็นจอแสดงผลได้จริงๆ

ดู Technology อันนี้แล้ว น่าสนใจมาก ต่อไปก็ไม่ต้องแบกหนังสือหนักๆใหญ่ๆ เวลาต้องการเอาไปอ่านนอกสถานที่อีกแล้ว ในห้องสมุดก็มีแต่ eBook reader วางไว้ ให้หยิบไป ใครอยากอ่านอะไรก็เลือกๆเอาจาก list ในหน้าจอได้เลย.. วู้.. ดีจัง :D

eBook reader

ช่วงนี้ทาง Sony ที่ญี่ปุ่นกำลังรุกหนักตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ด้าน IT ไม่ว่าจะเป็น Computer VIAO รุ่นใหม่ๆ ที่เน้นทางด้าน Multimedia หรือว่า เครื่องเล่น MP3 ที่มี disk ใหญ่ถึง 20GB แต่สิ่งที่เราติดใจที่สุดคือ eBook reader ที่มีชื่อเรียกว่า LIBRIè (ลิ บุ ริ เอะ)

เห็นโฆษณาตามวารสารต่างๆมาสักพักแล้ว วันก่อนเห็นของจริงครั้งแรกในรถไฟ มีคุณป้าคนนึงยืนใช้งานอยู่ ... สุดยอด!!! จอชัดมากๆๆๆ เหมือนกระดาษจริงๆเลย พื้นจอสีขาว ตัวหนังสือสีดำ ขนาดของเครื่องก็ประมาณสมุดโน้ตเล็กๆเล่มนึงเอง น่าสนใจมากๆ

วันนี้ลองหาข้อมูลดู สิ่งแรกที่อยากรู้ก็คือราคา... เห็นเค้าว่าราคาประมาณ 4 หมื่นกว่าเยน (ประมาณ15000บาท) ... วู้...แพงจัง ถ้าสัก 2 หมื่นเยน ว่าจะลองสอยมาใช้งานซะหน่อย..

การใช้งาน:
เท่าที่อ่านจากเว็บของ Sony ( http://www.sony.jp/products/Consumer/LIBRIE/ ) หนังสือสำหรับอ่านด้วยเครื่องนี้ ต้อง.ยืม.เอาจากเว็บของ Time Book Town ( http://www.timebooktown.jp/Service/index.asp ) เท่านั้น โดยต้องเสียค่าสมาชิกเดือนละ 210 เยน แล้วทีนี้ถ้าจะยืมหนังสือเรื่องไหนก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกต่างหาก โดยที่ยืมเล่มละ 315-525 เยน แล้วแต่เรื่อง และก็มีคลับให้สมัครโดยจะยืมได้ราคาถูกลง มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายจุกจิกมากๆเลย http://www.timebooktown.jp/Service/guide_fee.asp
ดูจากวิธีการใช้งานที่ต้องไปยืมหนังสือแล้ว รู้สึกไม่คุ้นกับคนที่ซื้อหนังสืออ่านอย่างเราๆ ไม่รู้ว่า Business model แบบนี้จะไปรอดหรือเปล่า อีกอย่างเท่าที่ค้นๆดูรู้สึกว่าเราไม่สามารถสร้างหนังสือได้เอง ต้องไปยืมจากเว็บข้างบนเท่านั้น อย่างงี้ก็ไม่สนุกอีก บางทีเราอยากจะเก็บข้อมูลจากเว็บไปนั่งอ่านเวลาว่างๆก็ทำไม่ได้ :(

รายละเอียดทาง Technique เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเขียนต่อ

รูปของเครื่อง LIBRIè

ตั้งใจถ่ายรูป

วันนี้ฝนตกหนักตั้งแต่เช้า เลยไม่ได้ออกไปไหน ลองเอากล่องกระดาษมาตัดแต่งเป็น Lightbox สำหรับถ่ายรูป แล้วขนเอานาฬิกาที่มีมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เผื่อเวลาขายไปแล้วจะได้มีรูปไว้ดูต่างหน้า :)

รูปที่แปะอยู่นี้เป็นรูปที่ดีที่สุดที่ถ่ายได้ โดยใช้ กล้อง Canon G2 และก็ใช้ไฟสำหรับอ่านหนังสือเป็นแหล่งกำเนิดแสง เห็นได้ชัดว่าแสงไม่พอเลยต้องเปิดหน้ากล้องกว้างสุด ผลจากการเปิดหน้ากล้องกว้างก็คือรูปที่ได้จะมี Noise มากอย่างเห็นได้ชัดเลย

มีของมาส่ง

เมื่อวานตอนเย็น ได้เจ้านี่มาจาก US โดนภาษีไป 2700 yen และก็ค่าอะไรอีกไม่รู้อีกพันกว่า... งง สงสัยคนส่งเค้าส่งมาดีเกินไป ใช้ของบริษัทอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่จริงแล้วส่งแบบ EMS จะถูกและก็เร็วกว่าอีก Lemania เรือนนี้มีอายุประมาณ 50 ปีได้แล้ว เก็บๆไว้เผื่อวันหน้ามีเยอะๆ จะได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ซะเลย